Social Icons

วิธีการเก็บสมุนไพรเพื่อใช้เป็นยา

วิธีการเก็บสมุนไพรเพื่อใช้เป็นยา 
ยาสมุนไพรเป็นส่วนประกอบที่ได้มาจากพืช สัตว์หรือแร่ธาตุ ตัวยาที่มีอยู่ในสมุนไพรจะ มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับ ปัจจัย หลายอย่าง แต่ที่สำคัญคือ ช่วงเวลาที่เก็บสมุนไพรการเก็บ ในช่วงเวลา ที่ไม่เหมาะสมจะมีผลต่อ ฤทธิ์การรักษา โรค ของยาสมุนไพรได้ นอกจาก คำนึงถึงช่วงเวลา ในการ เก็บยา เป็น สำคัญแล้ว ยังต้องคำนึงถึงว่าเก็บยาถูกต้นหรือไม่ ส่วน ไหนของพืชที่ใช้เป็นยา เป็นต้น พื้นดินที่ปลูก อากาศ การเลือกเก็บส่วนที่ใช้เป็นยา อย่าง ถูกวิธีนั้น จะมีผล อย่างมาก ต่อประสิทธิภาพของยาที่จะนำมารักษาโรค หากปัจจัย ดังกล่าว เปลี่ยนไปปริมาณตัวยาที่มีอยู่ในสมุนไพรก็จะ เปลี่ยนตาม ไป ด้วย ทำให้ยานั้นไม่เกิดผล การรักษาโรคได้
หลักทั่วไปในการเก็บส่วนที่ใช้เป็นยาสมุนไพร แบ่งโดยส่วนที่ใช้เป็นยาดังนี้

3.1 ประเภทรากหรือหัว เก็บในช่วงที่พืชหยุดเจริญเติบโต ใบดอกร่วงหมดหรือในช่วงต้นฤดูหนาวถึงปลายฤดูร้อน เพราะเหตุว่าในช่วงนี้รากและหัว มีการสะสม
ปริมาณของตัวยาไว้ค่อนข้างสูง วิธีการเก็บใช้วิธีขุดอย่างระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น กระชาย กระทือ ข่า เป็นต้น
3.2 ประเภทใบหรือเก็บทั้งต้น ควรเก็บในช่วง ที่เจริญเติบโตมากที่สุด หรือบางชนิดอาจ ระบุช่วงเวลา การเก็บชัดเจน เช่นเก็บใบไม่อ่อนหรือไม่แก่เกินไป (ใบเพสลาด) เก็บช่วงดอกตูม เริ่มบาน หรือช่วงที่ดอกบาน เป็นต้น การกำหนดช่วงเวลาที่เก็บใบเพราะช่วงเวลานั้น ในใบมีตัวยามากที่สุด วิธีการ เก็บใช้วิธีเด็ด ตัวอย่างเช่น กระเพรา ขลู่ ฝรั่ง ฟ้าทลายโจร เป็นต้น
3.3 ประเภทเปลือกต้นและเปลือกราก เปลือกต้นโดยมาเก็บ ระหว่างช่วงฤดูร้อนต่อกับ ฤดูฝน ปริมาณในพืชสูงและลอกออกง่าย สำหรับ การลอกเปลือกต้นนั้นอย่าลอกเปลือกออกทั้งรอบต้น เพราะกระทบกระเทือนในการส่งลำเลียงอาหาร ของพืชอาจทำให้ตายได้ ทางที่ดีควรลอกจากส่วนกิ่งหรือ แขนงย่อย ไม่ควรลอกออกจากลำต้นใหญ่ ของต้นไม้ หรือจะใช้วิธี ลอกออกในลักษณะครึ่งวงกลมก็ได้ ส่วนเปลือกรากเก็บในช่วงต้นฤดูฝนเหมาะสมที่สุด เนื่องจากการลอกเปลือกต้นหรือเปลือกราก เป็นผล เสียต่อการเจริญเติบโตของพืช ควรสนใจ วิธีการเก็บที่เหมาะสม
3.4 ประเภทดอก โดยทั่วไปเก็บในช่วงดอกเริ่มบาน แต่บางชนิดเก็บในช่วงดอกตูม เช่น การพลู เก็บช่วงที่เปลี่ยนสีเขียวเป็นสีแดง เป็นต้น
3.5 ประเภทผลและเมล็ด พืชสมุนไพรบางอย่างเก็บ ในช่วงที่ผลยังไม่สุกดี มี เช่น ฝรั่ง เก็บผลอ่อนใช้แก้ท้องร่วง แต่โดยทั่วไปมักเก็บตอนผลแก่เต็มที่แล้ว ตัวอย่างเช่น มะแว้งต้น มะแว้งเครือ ดีปลี เมล็ดฟักทอง เมล็ดชุมเห็ดไทย เมล็ดสะแก เป็นต้นนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ตามการถ่ายทอดประสบการณ์ ของแพทย์ไทยโบราณนั้น ยังมีการเก็บยาตามฤดูกาล วัน โมงยาม และทิศอีกด้วย เช่น ฤดูร้อนเก็บ รากและแก่น ฤดูฝนเก็บใบ ดอก ลูก ฤดูหนาวเก็บเปลือก กระพี้
และเนื้อไม้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในที่นี้ขอแนะนำให้ใช้หลักการเก็บส่วนที่ใช้ เป็นยาสมุนไพรดังข้างต้น นอกจากนี้ท่านผู้ศึกษาการเก็บและการใช้สมุนไพร สามารถเรียนรู้ได้จากหมอพื้นบ้านที่อยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งมีประสบการณ์การเก็บยาและการใช้ยามาเป็นเวลาช้านาน
วิธีการเก็บสมุนไพรที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น โดยทั่วไปไม่มีอะไรสลับซับซ้อนประเภท ใบ ดอก ใช้วิธีเด็ดแบบธรรมดา ส่วนแบบราก หัว หรือเก็บทั้งต้น ใช้วิธีขุดอย่างระมัดระวัง เพื่อประกันให้ได้ส่วนที่เป็นยามากที่สุด สำหรับเปลือกต้นหรือเปลือกราก เรื่องจากเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของต้นพืช ดังนั้น จึงควรสนใจวิธีการ เก็บดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นคุณภาพของยาสมุนไพรจะใช้รักษาโรคได้ดีหรือไม่นั้น ที่สำคัญอยู่ที่ช่วงเวลาเก็บสมุนไพรและวิธีการเก็บ แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ยังต้องคำนึงถึงอีกอย่างคือ พื้นที่ปลูก เช่นลำโพง ควรปลูกในพื้นดินเป็น ด่าง ปริมาณของตัวยาจะสูง สะระแหน่หากปลูกในที่ดินทราย ปริมาณน้ำมันหอมระเหยจะสูง และยังมีปัญหาทางด้านสภาพ แวดล้อมในการเจริญเติบโต ภูมิอากาศ เป็นต้น ต่างก็มีผลต่อคุณภาพสมุนไพรทั้งนั้น ดังนั้น เราควรพิจารณาหาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะเก็บยา สมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรค

นิทานสอนเด็ก นิทานอีสป นิทานก่อนนอน

สถิติการเข้าชม