Social Icons

กระทิง

imageimage
ชื่อวิทยาศาสตร์   Calophyllum inophyllum Linn.
ชื่อวงศ์   CLUSIACEAE (GUTTIFERAE)
ชื่ออื่น    สารภีทะเล ทิง นอ กระทึง กากทึง กากะทิง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นกระทิง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นทรงพุ่มทึบ ไม่เป็นระเบียบ ลำต้นค่อนข้างสั้นและมักบิดแตกเป็นกิ่งใหญ่ๆ จำนวนมากทั้งแนวนอนและแนวตั้ง หรือห้องลง มีความสูงของต้นประมาณ 8-20 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีแดงเข้ม ต้นเมื่อแก่จะแตกเป็นร่อง ภายในมียางสีเหลืองใสๆ เปลือกด้านในเป็นสีชมพู ส่วนแก่นไม้เป็นสีน้ำตาลอมแดง ตายอดเป็นรูปกรวยคว่ำ มีขนสีน้ำตาลปนสีแดงอยู่ประปราย โดยต้นกระทิงเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด มักขึ้นตามป่าใกล้ชายทะเล ป่าดงดิบ พบได้มากทางภาคใต้ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง ชอบดินทรายระบายน้ำได้ดี แต่ขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด หากได้รับน้ำมากพอใบจะเป็นมันสวยงาม (สำหรับการตัดแต่งพันธุ์ไม้ชนิดนี้ควรระมัดระวังน้ำยางสีเหลืองจากต้นด้วย เพราะมีความเป็นพิษ)
ใบกระทิง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรี หรือเป็นรูปไข่กลับแกมขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบมนกว้างและมักหยักเว้าเล็กน้อย ใบมีความกว้างประมาณ 4-8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร ใบเป็นสีเขียวเข้ม เนื้อใบค่อนข้างหนาแข็ง และเกลี้ยง ขอบใบเรียบและผิวมันเคลือบ ท้องใบเรียบเป็นสีอ่อนกว่า มีเส้นแขนงใบถี่มากและขนานกัน มองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนเส้นกลางใบเป็นร่องทางด้านหลังใบ ใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง เมื่อแก่จะแห้งเป็นสีน้ำตาล และมีก้านใบยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร (เปลือกของต้นมีสารแทนนินอยู่ 19%)
ดอกกระทิง ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งและตามง่ามใบ ช่อละประมาณ 5-8 ดอก ดอกเป็นดอกเดี่ยวแยกกันอิสระ ดอกเป็นสีขาวมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบเลี้ยงดอกมี 4 กลีบ ยาวประมาณ 2.7-10 มิลลิเมตร โดยสองกลีบนอกจะเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับและงอเป็นกระพุ้ง ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ส่วนอีกสองกลับถัดเข้าไปจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ส่วนกลีบดอกมี 4 กลีบ กว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 9-12 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นรูปช้อน หรือรูปไข่กลับ ขอบงอ ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ลักษณะของดอกเป็นดอกตูมค่อนข้างกลมสีขาวนวล ดอกมีเกสรตัวผู้สีเหลืองจำนวนมาก มีกลิ่นหอม เป็นแต้มสีเหลืองรอบๆ เกสรตัวเมียที่ชูพ้นเกสรตัวผู้
ผลกระทิง ผลเป็นผลสดค่อนข้างกลมและฉ่ำน้ำ ผลมีลักษณะทรงกลมหรือเป็นรูปไข่และแข็ง ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผิวผลเรียบ ปลายผลเป็นติ่งแหลม ผลสดสีเขียว เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อผลแห้งผลจะย่นและเปลี่ยนเป็นสีออกน้ำตาลปนแดงอ่อน และภายในผลมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด เมล็ดมีเปลือกแข็ง[1],[4] (เมล็ดเมื่อนำมาบีบหรือสกัดด้วยตัวทำลายอินทรีย์ จะให้น้ำมันสีเหลืองอมสีเขียวประมาณ 50-70% และมีกลิ่นที่ไม่ชวนดม หรือที่เรียกว่า Dill oil, Poppy Seed oil, และ Laurel oil นอกจากนี้ยังมีเรซินอีกด้วย)
สรรพคุณทางสมุนไพ
- ยาชงรากใช้หยอดตาแก้ตาอักเสบ และใช้ล้างแผล
- ต้นและเปลือกต้นให้ยางใช้สำหรับทาแผล เป็นยาฝาดสมานพอกทรวงอกแก้วัณโรคปอด ถ้ากินจะทำให้อาเจียน เป็นยาระบาย ใช้แต่งกลิ่น ให้มีกลิ่นคล้ายผักชีฝรั่ง หรือดอก lavender หรือ สารหอม coumarin ขับปัสสาวะ ใช้ภายนอกสำหรับล้างแผลอักเสบเรื้อรัง
- ใบใช้เบื่อปลา ถ้านำมาแช่นํ้าทิ้งไว้ค้างคืนจะได้นํ้าที่มีสีนํ้าเงิน กลิ่นหอมใช้ล้างตา แก้ตา อักเสบ นํ้าคั้นจากใบเป็นยาฝาดสมานภายนอกใช้กับโรคริดสีดวงทวาร
- เมล็ด ให้น้ำมัน และยางอยู่รวมกัน แยกนํ้ามันออกมาใช้ทาถูนวดแก้ปวด rhuematism แก้ผื่นคัน แก้โรคผิว หนังบางชนิด แก้เหา นํ้ามันจากเมล็ดทำให้บริสุทธิ์ กินแก้โรคหนองใน

นิทานสอนเด็ก นิทานอีสป นิทานก่อนนอน

สถิติการเข้าชม